- [Georgia] ประเทศจอร์เจีย เที่ยวแบบประหยัด…. ตอนที่ 1 เตรียมพร้อมออกเดินทาง
- [Georgia] ประเทศจอร์เจีย เที่ยวแบบประหยัด…. ตอนที่ 2 [Day1] Mtskheta & Gori เมืองแห่งประวัติศาสตร์
- [Georgia] ประเทศจอร์เจีย เที่ยวแบบประหยัด…. ตอนที่ 3 [Day 2] Tbilisi นี่หรือเมืองหลวง
- [Georgia] ประเทศจอร์เจีย เที่ยวแบบประหยัด…. ตอนที่ 4 [Day 3] Kazbegi ชมเทือกเขาคอเคซัส
- [Georgia] ประเทศจอร์เจีย เที่ยวแบบประหยัด…. ตอนที่ 5 [Day 4] Mestia นี่คือสวรรค์
- [Georgia] ประเทศจอร์เจีย เที่ยวแบบประหยัด…. ตอนที่ 6 [Day 5-7] Kutaisi เมืองแห่งความวุ่นวาย
- [Georgia] ประเทศจอร์เจีย เที่ยวแบบประหยัด…. ตอนที่ 7 [Day 8] Bad dream in Tbilisi
Day3 Kazbegi (ყაზბეგი) – คาซเบกิ
ใครที่มาเที่ยวจอร์เจียต่างก็ไป Kazbegi ซึ่งตอนแรกเราแพลนที่เที่ยวที่นี้ไว้ในวันที่ 2 แต่เนื่องจากที่ประธานาธิบดีของอาร์เมเนีย ทำให้เราไม่สามารถกลับที่พักไปเก็บของได้ จึงต้องเลื่อนมาเป็นวันนี้ ซึ่งข้อเสีย คือ คืนนี้เราจะต้องนั่งรถไฟไป Zugdidi กัน ทำให้ต้องรีบที่จะเดินทางกลับ Tbilisi เพื่อไม่ให้ตกรถไฟ
Kazbegi หรือปัจจุบันชื่อ Stepantsminda (სტეფანწმინდა) เป็นเมืองทางตอนเหนือติดกับประเทศรัสเซีย ที่นี่มีชื่อเสียงเนื่องจากมีโบสถ์ดังที่อยู่บนเขา คือ Gergeti Trinity Church ที่อยู่บนปกของ Lonely Planet
เราออกเดินทางจากที่พัก มุ่งหน้าไปท่ารถที่ Didube อีกครั้ง หลังจากที่เรามาสำรวจกันในวันแรกแล้ว
การเดินทางไปยัง Kazbegi สามารถนั่งรถตู้ (Murshrutky) ได้ในราคา 10 Lari ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง (รถออกทุก 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 8 am ถึง 7 pm) หน้าป้ายรถตู้จะเขียนว่า Kazbegi เป็นภาษาอังกฤษ และอักษรจอร์เจียว่า ყაზბეგი บริเวณที่ขึ้นรถจะอยู่ใกล้กับที่ขึ้นรถไป Mtskheta แต่ข้อเสียของการนั่งรถตู้คือ ไม่จอดแวะให้ลงไปถ่ายรูประหว่างทาง
พวกเราเลือกที่จะเดินทางโดยใช้แทกซี่ หลังจากที่สำรวจราคาจากในรีวิวต่าง ๆ แล้ว ราคาโดยทั่วไปควรอยู่ที่ 20 Lari/คน/เที่ยว (ห้ามเกินนี้!!) หากสามารถต่อราคาได้ อาจจะได้ถึง 15 Lari/คน/เที่ยว และหากเราต่อแล้วแต่เขาไม่โอเค ให้เดินหนีเลยครับ มีคนจะรอเข้ามาเสนอราคาเราอีกมาก หรือเขาอาจจะใจอ่อนเดินตามก็ได้ แนะนำว่าถ้านั่งเป็น Minivan ได้จะดีมาก เพราะทางค่อนข้างคดเคี้ยว
พวกเราตกลงราคากันที่ 20 Lari ตอนแรกคุยกับแทกซี่แล้วว่าเป็น minivan สุดท้ายกลับได้เป็นรถเก๋งธรรมดา แอบโมโหเล็กน้อย และคนที่ต่อราคากับเรา กลับไม่ใช่คนขับ เหมือนเป็นนายหน้าหาลูกค้าให้อีกที เพราะคนขับของเราไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เรามีผู้ร่วมเดินทางอีกหนึ่งคนเป็นสาวเยอรมัน ไปเล่นสกีที่ Gudauri (แอบถามมา เขาก็ได้มาในราคา 20 Lari เช่นกัน)
ตอนแรกเรากังวลอยู่เหมือนกันว่าถนนจะปิดไหม เพราะเราสอบถามคนที่โฮสเทล ทุกคนพูดเหมือนกันว่าถนนปิด ไปไม่ได้ ลองแอบถาม one-day trip ใกล้ที่พัก ก็บอกว่าถนนปิดไปไม่ได้ แต่เราคิดว่าคนที่จะรู้ดีที่สุดคือ แทกซี่ที่ Didube เพราะนั่นคืองานประจำของเขา ถ้าเขาว่าไปได้ก็ไป (เราคิดแผนสำรองว่า ถ้าไปไม่ได้ ก็จะไปไกลที่สุดเท่าที่จะไปได้)
แทกซี่จะแวะพาเราลงไปถ่ายรูปที่แรก คือบริเวณอ่างเก็บน้ำ
สักครู่ (ไม่ได้มีอะไรให้ชมมาก ถ่ายรูปสัก 2-3 แชะก็ขึ้นรถได้) จากนั้นมุ่งหน้าไปยัง Anauri Fortress แทกซี่จอดให้แวะถ่ายรูปประมาณ 30 นาที ก่อนจะลงไปเดินเที่ยวลุงแทกซี่ตามคนที่พูดภาษาอังกฤษได้แถวนั้นมาเป็นล่ามให้เรา ถามเราว่าจะกลับวันนี้เลยไหม ถ้ากลับเขาจะรอ เขาจะคิดราคา 20 Lari เท่าเดิม ตอนนั้นพวกเราคิดว่าเนื่องจากไม่ใช่หน้าเทศกาล กลัวว่าจะไม่มีรถเดินทางกลับจึงตอบตกลง
Anauri Fortress (ანანური) เป็นสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ของประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สวยงามอยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำ Zhinvali Reservoir ซึ่งภายในมีโบสถ์เก่าแก่ช่วงศตวรรษที่ 17 สามารถเดินชมภายในและถ่ายรูปได้ บริเวณนี้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมอยู่จำนวนมาก หน้าทางเข้ามีขายของมากหมาย โดยเฉพาะเสื้อผ้า หมวกไหมพรม ถุงมือกันหนาว มีรถจอดมากมาย และมีห้องน้ำให้เข้าด้วย
หลังจากแวะถ่ายรูปที่ Anauri Fortress กันแล้วก็เดินทางกันต่อยาวๆไปยัง Gudauri
Gudauri (გუდაური) เป็นย่านที่เต็มไปด้วยสกีรีสอร์ทมากมาย เหมาะสำหรับคนมาเล่นสกี (แต่ไม่เหมาะกับการลงไปแวะเที่ยว เพราะรีสอร์ทแต่ละแห่งห่างกัน และต้องเดินขึ้นเนินไปตามถนนเรื่อย ๆ ไม่มีฟุตบาทให้เห็น และถนนยังแฉะจากหิมะละลาย ทำให้ไม่น่าภิรมย์นัก ซึ่งลุงแทกซี่ได้ขับแวะไปส่งสาวเยอรมันที่รีสอร์ทใกล้ ๆ หากใครจะมาเล่นสกี หรือแวะพักอาจจะต้องทำการบ้านเรื่องการเดินทางไปยังที่พัก เนื่องจากลุงแทกซึ่ไม่รู้จักที่พักมากนัก อาจจะเสียเวลาในการขับรถหาได้
จากนั้นมุ่งหน้าสู่ Kazbegi ระหว่างทางเลย Gudauri ไปไม่ไกลนัก มีจุดแวะถ่ายรูป คือ Georgia-Russia Friendship Monument เป็นพาราโนรามาวิว แต่เนื่องจากตอนเราไปเป็นช่วงหน้าหนาวทำให้หิมะปกคลุมทางเดินทั้งหมด มีเพียงทางเดินแคบๆที่ผู้คนสร้างกันไว้เอง มีลื่นกันบ้าง น้ำซึมเข้ารองเท้าผ้าใบกันบ้าง (แนะนำว่าถ้ามีรองเท้าที่กันลื่นจะดีมาก) เราเดินไปถ่ายรูปกัน ซึ่งอย่าได้แคร์เราเดินกันด้วยรองเท้าผ้าใบ ลื่นนิดหน่อย และหิมะละลาย ก็เปียกๆกันไป
บริเวณนั้นคนไม่เยอะมากเท่าไหร่นัก คิดว่านักท่องเที่ยวที่ Anauri คงขึ้นมาไม่ถึง แต่ว่าที่นี่ตอนที่หิมะคลุมนั้น ก็ขยับไปไหนมาไหนถ่ายรูปลำบากเหมือนกัน แต่ก็พอจะมีรูปสวยๆให้ได้ยลโฉมกันบ้าง
เราถ่ายรูปกันอยู่ประมาณ 10-15 นาที จึงออกเดินทางต่อไป Kazbegi แต่พบว่ารถก็ติดมาก ติดอยู่ประมาณ 20 นาที จนพวกเราเกือบถอดใจ ขอให้ลุงหันรถกลับ เพราะเรากลัวจะตกรถไฟกัน แต่มีเพื่อนคนนึงของเรา อยากจะสู้ รออยู่สักพัก รถจึงขยับ พบว่าสาเหตุที่รถติดคือ เนื่องจากมีหิมะตก ทำให้อุโมงค์ที่ทะลุภูเขา แคบลง รถไม่สามารถสวนกันได้ ทำให้ต้องผลัดกันไป (ชิงไหวชิงพริบ) อีกทั้งถนนเส้นนี้ติดต่อไปยังรัสเซีย ทำให้รถบรรทุกเยอะมาก น่ากลัวเหมือนกัน
มุ่งหน้าสู่ Kazbegi ใช้เวลาร่วมเกือบ 4 ชั่วโมงเนื่องจากประสบรถติด เมื่อเดินทางมาถึง ก็มีลุงแทกซี่คันต่อไปมาประกบพวกเราทันที เพราะหากต้องการเดินทางไปยัง Gergeti Trinity Church ต้องเหมารถตู่ขึ้นไปบน Mt.Kazbek คุณลุงคิดในราคา 50 Lari ในราคาเหมาทั้งคัน (เราเคยลองหาราคา บางคนอาจจะต่อไปถึง 30-40 Lari หรือเฉลี่ยคนละ 10 Lari และหากไปกันน้อย แทกซี่ก็จะหานักท่องเที่ยวคนอื่นร่วมทริปไปด้วย) แต่เนื่องจากเป็นหน้าหนาว แทกซี่บอกว่า รถขึ้นไปไม่ถึงนะ ต้องเดินเท้าต่ออีกประมาณ 1 กิโลเมตร เขาจะจอดรอ แต่เราลองคำนวณเวลากันแล้ว ถ้าเราเดินด้วยคิดว่าไม่น่าจะกลับมาทัน จึงเหมือนมาไม่ถึงเล็ก ๆ
คุณลุงเลยเสนออีก Choice ว่าจะพาขึ้นไปบนเทือกเขา Mt. Kuro ซึ่งอยู่ด้านหลังของหมู่บ้าน (ตรงข้ามกับ Mt.Kazbek) ในราคา 40 Lari (ราคาเหมา) ข้อดีคือ ไม่ต้องเดินไปต่อและเราจะได้เห็นวิวมุมสูง จริง ๆเราเคยเห็นรีวิวหนึ่งที่มีคนพาขึ้นเขานี้ไป เราเลยตกลงเพราะกลัวว่าขึ้นมาแล้วจะเสียเที่ยวขึ้นเขาหน่อยละกัน แต่ระหว่างนั้นเรายังไม่ได้ทานอาหารกลางวันกันเลยจึงเดินเข้าไปทานอาหารร้านตรงข้าม แล้วให้ลุงรอก่อน
ร้านอาหารเราจำชื่อร้านไม่ได้ เวลานั้นเป็นเวลาประมาณ 14:00 เมื่อเราเข้าร้าน มีพนักงานแค่คนเดียว พึ่งจะเอาอาหารมาเสิรฟโต๊ะข้างๆ พอมารับออเดอร์เรา แจ้งว่าอาหารหมด เหลือแค่ soup เท่านั้น พวกเราจึงได้แค่ทานซุปประทังความหิว (ที่น่าหงุดหงิดคือ มีฝรั่งเข้ามาทีหลัง เขาสามารถสั่งไก่ทานได้) ไม่แน่นำจริง ๆ ตอนแรกเราคุยกันว่าจะไม่ขึ้นเขาแล้วเพราะหงุดหงิด หิว แต่พออกจากร้านมาคุณลุงก็มารอ ไม่มีเพื่อนร่วมทริปคนอื่น ทำให้เราต้องเหมาทั้งคันขึ้นไป
ก่อนจะไปชมภาพบรรยากาศบน Mt.Kuro เราขอนำภาพบรรยากาศในเมือง Stepantsminda มาให้ชมกันก่อน
รถตู้ไต่เขาขึ้นไปประมาณ 20 นาที คุณลุงจอดให้ชมตรงโบสถ์แห่งหนึ่ง พวกเราก็ลงไปเดินถ่ายรูป เนื่องด้วยหิมะปกคลุมสูง ทำให้เราเดินกันไม่ได้ทั่วเท่าไหร่นัก ก็ต้องกลับ (หากไม่รู้จะเที่ยวที่ใดบ้าง จะขึ้นเขาลูกนี้ไปถ่ายรูปเล่นก็ได้ แต่ถ้าอยากจะเซฟเงิน เราคิดว่าไม่จำเป็นนะ) หลังจากเราลงมาก็เดินสำรวจหมู่บ้านเล็กน้อย แวะไปแถวพิพิธภัณฑ์แต่พบว่าปิด จึงเดินทางกลับ
และนี่คือภาพบรรยากาศบน Mt.Kuro ด้านบนจะมีวิหารเล็ก ๆ ที่คนในเมืองขึ้นมาสวดมนต์กันด้วย
ขอแนะนำว่า หากไม่พอใจรถแทกซี่ขามา ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีรถกลับ บริเวณที่รถแทกซี่มาส่งนั้น จะมีทั้งรถตู้ประจำทางที่จะนำคุณกลับ หรือเราสามารถเลือกแทกซี่คันอื่นที่สภาพดีกว่าคันเดิมก็ได้ เนื่องจากรถหลายคันที่ขึ้นมา เขาไม่ค้างกันบนนี้ สุดท้ายเขาต้องเดินทางกลับทบิลิซี่ ทำให้มีตัวเลือกให้เราเลือกเยอะมาก แต่เนื่องจากเราตกลงกับคุณลุงไปแล้ว ก็เกรงใจคุณลุง แกน่ารักนะ แต่สภาพรถแก่ไม่อำนวยเท่าไหร่
คำแนะนำ หากต้องเดินทางระยะไกล ควรหาซื้อเสบียงอาหารติดตัวไว้ เพราะไม่รู้ว่ารถจะแวะเมื่อไหร่
เมื่อเดินทางกลับ พรุ่งนี้เราตั้งใจจะไปเมื่องแห่งสวรรค์ คือ Mestia เราเลือกที่จะเดินทางด้วยรถไฟนอนไปยังเมือง Zugdidi แล้วต่อรถตู้ประจำทางขึ้นไปยัง Mestia
พวกเราซื้อรถไฟล่วงหน้า 1 วันก่อนเดินทาง โดยตั๋วรถไฟสามารถซื้อออนไลน์ได้ผ่านทาง http://railway.ge แต่หากจะสั่งซื้อเป็นภาษาอังกฤษต้องใช้คอมพิวเตอร์เท่านั้น (เราพยายามใช้มือถือในการสั่งซื้อ เมื่อถึงหน้าที่ให้เลือกสถานที่เดินทาง ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษได้) พวกเราเกือบถอดใจ แต่บังเอิญว่าไปเจอ application TKT.ge เป็นเหมือนนายหน้าขายตั๋ว แล้วคิดค่าธรรมเนียมเพิ่ม
เราเดินทางด้วยรถไฟตู้นอน ห้องละ 2 คน ในราคาคนละ 30 Lari (มีค่าธรรมเนียม 5 Lari/การซื้อ 1 ครั้ง) หากไม่อยากเสียค่าธรรมเนียม สามารถไปซื้อตั๋วด้วยตนเองที่ Central station (สถานีรถไฟใต้ดินสถานี station square)
และก่อนขึ้นรถนายสถานีจะตรวจ passport ทุกคนอย่างละเอียดทั้งชื่อ และนามสกุล ดังนั้นตอนซื้อตั๋วต้องเชคตัวสะกดให้ถูกต้องเรียบร้อย
ขออภัยที่ไม่มีรูปภาพบนรถไฟ แต่โดยรวมแล้วดูดีมาก สะอาด มีหมอนและผ้าห่มให้ ไม่ดูอัดเนื่องจากนอนห้องละ 2 คนเท่านั้น และที่สำคัญรถไฟตรงเวลามาก รถไฟออกเดินทางเวลา 21:45 และถึง Zugdidi เวลา 6:30 น.
Series ชุด [Georgia] ประเทศจอร์เจีย เที่ยวแบบประหยัด….
ตอนที่ 1 เตรียมพร้อมออกเดินทาง
ตอนที่ 2 [Day 1] Mtskheta & Gori เมืองแห่งประวัติศาสตร์
ตอนที่ 3 [Day 2] Tbilisi นี่หรือเมืองหลวง
ตอนที่ 4 [Day 3] Kazbegi ชมเทือกเขาคอเคซัส
ตอนที่ 5 [Day 4] Mestia นี่คือสวรรค์